การตรวจสอบแบตเตอรี่


id011700800600

คำเตือน
•  เนื่องจากน้ำกรดแบตเตอรี่นั้นเป็นพิษ ให้ระมัดระวังขณะสัมผัสแบตเตอรี่
•  เนื่องจากน้ำกรดแบตเตอรี่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก ระมัดระวังอย่าให้น้ำกรดแบตเตอรี่ถูกเสื้อผ้าหรือยานพาหนะ
•  หากน้ำกรดแบตเตอรี่สัมผัสถูกผิวหนัง, ดวงตา หรือเสื้อผ้า ให้รีบเปิดน้ำปริมาณมากๆ ล้างออกทันที หากน้ำกรดสัมผัสถูกดวงตา ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดนานกว่า 15 นาที แล้วรีบไปโรงพยาบาลทันที

ความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดแบตเตอรี่ (รุ่นที่มีระบบ i-stop)

วัตถุประสงค์

ขั้นตอน

การตรวจสอบ

ผลการตรวจสอบ

การดำเนินการ

การตรวจสอบแบตเตอรี่ (ตรวจสอบการลัดวงจรภายในแบตเตอรี่)
1
วัดความถ่วงน้ำกลั่นแบตเตอรี่ของเซลล์ทั้งหมดและระบุเซลล์ที่มีค่าความถ่วงน้ำกลั่นแบตเตอรี่ต่ำที่สุดด้วยการใช้ไฮโดรมิเตอร์
1.25 หรือมากกว่า
แบตเตอรี่เป็นปกติ
1.17—1.25
ให้ชาร์จไฟแบตเตอรี่
น้อยกว่า 1.17
เปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากระบุได้ว่ามีการลัดวงจรภายในแบตเตอรี่


ความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดแบตเตอรี่ (รุ่นที่ไม่มีระบบ i-stop)

1.  วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดแบตเตอรี่โดยใช้ไฮโดรมิเตอร์

•  หากน้อยกว่าค่าที่กำหนดไว้ ให้ชาร์จแบตเตอรี่ (ดู การชาร์จไฟแบตเตอรี่)
ความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดแบตเตอรี่ (รุ่นที่ไม่มีระบบ i-stop)
1.22—1.29 [20 °C {68 °F}]


แรงเคลื่อนไฟฟ้าแบตเตอรี่ (รุ่นที่ไม่มีระบบ i-stop)

1.  ให้ตรวจสอบแบตเตอรี่ตามลำดับดังนี้:

ขั้นตอน

การตรวจสอบ

ผลการตรวจสอบ

การดำเนินการ

1
วัดค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าขั้วบวกแบตเตอรี่
12 V หรือมากกว่า
ไปยังขั้นตอนที่ 3
น้อยกว่า 12 V
ไปยังขั้นตอนถัดไป
2
ชาร์จไฟเร็วเป็นเวลา 30 นาที และตรวจสอบค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าอีกครั้ง
12 V หรือมากกว่า
ไปยังขั้นตอนถัดไป
น้อยกว่า 12 V
ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่
3
ใช้ตัวทดสอบกระแสไฟแบตเตอรี่ (ดู ผลทดสอบกระแสไฟแบตเตอรี่) และบันทึกค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าแบตเตอรี่หลังจากผ่านไป 15 วินาที ค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่วัดได้มีค่ามากกว่าค่าที่กำหนดไว้ใช่หรือไม่?
ใช่
ปกติ
ไม่ใช่
ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่

ผลทดสอบกระแสไฟแบตเตอรี่
55D23L (60 A·h/20HR): 180 A
GR35 (60 A·h/20HR): 180 A
N-55 (50 A·h/20HR): 130 A

ค่ากำหนดมาตรฐาน

อุณหภูมิแบตเตอรี่ (°C {°F})

แรงเคลื่อนไฟฟ้าขั้นต่ำ (V)

4 {39}
9.3
10 {50}
9.4
16 {61}
9.5
21 {70}
9.6


การดึงกระแสไฟ


รุ่นที่ไม่มีระบบ i-ELOOP

ข้อควรระวัง
•  หากโหลดทางไฟฟ้าทำงานในขณะที่กำลังวัดการดึงกระแสไฟอาจทำให้ตัวทดสอบได้รับความเสียหายได้
•  เนื่องจากต้องใช้ค่า “BATT_SOC” ก่อนถอดสายแบตเตอรี่ขั้วลบสำหรับการตั้งค่าเบื้องต้นของสภาพแบตเตอรี่ (การตั้งค่า i-stop) ให้ตรวจสอบค่า “BATT_SOC” เสมอก่อนถอดสายแบตเตอรี่ขั้วลบ (เฉพาะรุ่นที่มีระบบ i-stop เท่านั้น)

1.  ตรวจสอบว่าสวิตช์กุญแจอยู่ในตำแหน่ง OFF และได้ปิดประตูทุกบานรวมถึงฝากระโปรงท้าย/ประตูท้ายแล้ว

2.  ถอดสายขั้วลบแบตเตอรี่ออก (ดู การถอด/ต่อสายขั้วลบแบตเตอรี่)

3.  เชื่อมต่อตัวทดสอบระหว่างขั้วลบแบตเตอรี่และสายขั้วลบแบตเตอรี่

หมายเหตุ
•  หากปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ 10 นาทีหรือนานกว่านั้น แต่ไม่ถึง 30 นาที ตัวทดสอบจะแสดงค่าสูง (ประมาณ 300 mA)
•  หากมีการใช้งานปุ่มกดสตาร์ทหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า หลังจากที่ได้เชื่อมต่อตัวทดสอบ จะต้องปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ 10 นาทีหรือนานกว่านั้น แต่ไม่ถึง 30 นาที ตั้งแต่มีการใช้งานปุ่มกดสตาร์ทหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
•  สำหรับรถยนต์ที่มีระบบป้องกันการสตาร์ทของเครื่องยนต์ ระบบจะสลับช่วงการทำงานของการกะพริบไฟแสดงสถานะระบบรักษาความปลอดภัยเป็นระยะ ดังนั้น จะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้า 65 mA (0.1 วินาที) ในขณะที่ไฟแสดงสถานะระบบรักษาความปลอดภัยติดสว่าง และมีการจ่ายกระแสไฟฟ้า 40 mA (2 วินาที) ในขณะที่ไฟแสดงสถานะระบบรักษาความปลอดภัยไม่ติดสว่าง นอกจากนี้ เครื่องมือวัดที่แสดงค่าเฉลี่ยจะแสดงค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 55 mA

4.  ปล่อยระบบไฟฟ้าในรถยนต์ของท่านทิ้งไว้ 10 นาทีหรือนานกว่านั้น แต่ไม่ถึง 30 นาที และจากนั้นให้ทำการวัดการดึงกระแสไฟ

•  หากไม่อยู่ในช่วงค่าที่กำหนดไว้ ให้วัดการดึงกระแสไฟฟ้าในขณะที่ทำการถอดฟิวส์ทีละตัวจากด้านในของรีเลย์ กล่องฟิวส์ และภายในกล่องฟิวส์
•  ตรวจสอบและซ่อมแซมชุดสายไฟและขั้วต่อของฟิวส์ที่มีการดึงกระแสไฟน้อยลง
การดึงกระแสไฟแบตเตอรี่ (ในขณะที่สวิตช์กุญแจอยู่ที่ OFF และปิดฝากระโปรงหน้าและประตูทุกบาน)
40—65 mA
หมายเหตุ
•  หากปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ 30 นาที หรือนานกว่านั้น, ค่าการดึงกระแสไฟแบตเตอรี่ที่แสดงจะอยู่ที่ 25—45 mA


รุ่นที่มีระบบ i-ELOOP

ข้อควรระวัง
•  มีความเป็นไปได้ที่จะมีการไหลของกระแสไฟฟ้าที่ชาร์จจากตัวเก็บประจุของระบบ i-ELOOP มายังแบตเตอรี่ ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายต่อตัวทดสอบหรือชุดสายไฟ ให้ต่อชุดสายไฟหลังจาก OFF สวิตช์กุญแจไปแล้ว 30 นาที
•  หากโหลดทางไฟฟ้าทำงานในขณะที่กำลังวัดการดึงกระแสไฟอาจทำให้ตัวทดสอบได้รับความเสียหายได้
•  เนื่องจากต้องใช้ค่า “BATT_SOC” ก่อนถอดสายแบตเตอรี่ขั้วลบสำหรับการตั้งค่าเบื้องต้นของสภาพแบตเตอรี่ (การตั้งค่า i-stop) ให้ตรวจสอบค่า “BATT_SOC” เสมอก่อนถอดสายแบตเตอรี่ขั้วลบ (เฉพาะรุ่นที่มีระบบ i-stop เท่านั้น)

1.  ตรวจสอบว่าสวิตช์กุญแจอยู่ในตำแหน่ง OFF และได้ปิดประตูทุกบานรวมถึงฝากระโปรงท้าย/ประตูท้ายแล้ว

2.  ถอดสายขั้วลบแบตเตอรี่ออก หลังจาก OFF สวิตช์กุญแจไปแล้ว 30 นาที (ดู การถอด/ต่อสายขั้วลบแบตเตอรี่)

3.  เชื่อมต่อตัวทดสอบระหว่างขั้วลบแบตเตอรี่และสายขั้วลบแบตเตอรี่

หมายเหตุ
•  หากมีการใช้งานปุ่มกดสตาร์ทหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า หลังจากที่ได้เชื่อมต่อตัวทดสอบ จะต้องปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ 10 นาทีหรือนานกว่านั้น แต่ไม่ถึง 30 นาที ตั้งแต่มีการใช้งานปุ่มกดสตาร์ทหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
•  สำหรับรถยนต์ที่มีระบบป้องกันการสตาร์ทของเครื่องยนต์ ระบบจะสลับช่วงการทำงานของการกะพริบไฟแสดงสถานะระบบรักษาความปลอดภัยเป็นระยะ ดังนั้น จะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้า 65 mA (0.1 วินาที) ในขณะที่ไฟแสดงสถานะระบบรักษาความปลอดภัยติดสว่าง และมีการจ่ายกระแสไฟฟ้า 40 mA (2 วินาที) ในขณะที่ไฟแสดงสถานะระบบรักษาความปลอดภัยไม่ติดสว่าง นอกจากนี้ เครื่องมือวัดที่แสดงค่าเฉลี่ยจะแสดงค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 55 mA

4.  วัดการดึงกระแสไฟ

•  หากไม่อยู่ในช่วงค่าที่กำหนดไว้ ให้วัดการดึงกระแสไฟฟ้าในขณะที่ทำการถอดฟิวส์ทีละตัวจากด้านในของรีเลย์ กล่องฟิวส์ และภายในกล่องฟิวส์
•  ตรวจสอบและซ่อมแซมชุดสายไฟและขั้วต่อของฟิวส์ที่มีการดึงกระแสไฟน้อยลง
การดึงกระแสไฟแบตเตอรี่ (ในขณะที่สวิตช์กุญแจอยู่ที่ OFF และปิดฝากระโปรงหน้าและประตูทุกบาน)
25—45 mA


การตรวจสอบแบตเตอรี่ในขณะที่ไฟเตือนระบบ i-stop (สีเหลือง) กำลังกะพริบ (รุ่นที่มีระบบ i-stop)

1.  ให้ตรวจสอบแบตเตอรี่ตามลำดับดังนี้:

ขั้นตอน

การตรวจสอบ

ผลการตรวจสอบ

การดำเนินการ

1
ให้ตรวจสอบว่ารหัสที่ค้างอยู่ เช่นรหัส DTC P0A8F:00 หรือ DTC P0A8F:00 ถูกตรวจพบโดยใช้ M-MDS
(ดู ไม่พบ)
ตรวจพบรหัส DTC P0A8F:00
ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่
ตรวจพบรหัสที่ค้างอยู่ รหัส DTC P0A8F:00
ไปยังขั้นตอนถัดไป
2
ไม่มีการสตาร์ตเครื่องยนต์มานานกว่า 5 วัน ใช่หรือไม่?
(สอบถามลูกค้า)
ใช่
ไปยังขั้นตอนถัดไป
ไม่ใช่
ไปยังขั้นตอนที่ 4
3
หลักจากสตาร์ตเครื่องยนต์ ให้ตรวจสอบว่ามีการตรวจพบรหัส DTC P0A8F:00
(ดู ไม่พบ)
ตรวจพบรหัส DTC P0A8F:00 ใช่หรือไม่?
ใช่
ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่
ไม่ใช่
ไปยังขั้นตอนถัดไป
4
วัดความถ่วงน้ำกลั่นแบตเตอรี่ของเซลล์ทั้งหมดและระบุเซลล์ที่มีค่าความถ่วงน้ำกลั่นแบตเตอรี่ต่ำที่สุดด้วยการใช้ไฮโดรมิเตอร์
1.25 หรือมากกว่า
แบตเตอรี่เป็นปกติ
1.17—1.25
ให้ชาร์จไฟแบตเตอรี่
น้อยกว่า 1.17
เปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากระบุได้ว่ามีการลัดวงจรภายในแบตเตอรี่
5
หลังจากทำงานที่ระบุไว้อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ให้ตรวจสอบว่าไฟเตือนระบบ i-stop (สีเหลือง) ดับลงหรือไม่
•  ถอดสายแบตเตอรี่ออกและ ON สวิตช์กุญแจ (ดับเครื่องยนต์) หลังจากที่ต่อสาย
•  ON สวิตช์กุญแจ (ดับเครื่องยนต์) หลังจาก OFF สวิตช์กุญแจไปแล้ว 12 ชั่วโมงหรือนานกว่า